สุดอึ้ง! เชฟมิชลินทิ้งหมวกเชฟ ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรตามแนวทางพระราชดำริ


James Noble อดีตเชฟมิชลิน

James Noble อดีตเชฟมิชลิน 2 ดาว ที่แขวนหมวกเชฟหันมาทำฟาร์มตามแนวพระราชดำริ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่เรียกว่า Sustainable Farmer ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวภรรยาคนไทยกับลูกอีก 2 คนที่ The Boutique Farmers อ.ปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อย่างพอเพียงและมีความสุข

James ฝรั่งอารมณ์ดี วัย 47 ปี เริ่มบทสนทนาแนะนำตัวเองว่า “ I am a Chef ”   และเขาเป็นถึงเชฟมิชลิน 2 ดาวที่ The  Pink Geranium Restaurant เมือง Cambridgeshire ประเทศอังกฤษ ความโด่งดังของ James ถึงขนาดได้เป็นเชฟประจำตัวให้มิค แจ๊กเกอร์ นักร้องนำของ เดอะ โรลลิ่ง สโตน วงร็อกระดับตำนานของอังกฤษอยู่หลายปี








แต่เมื่อชีวิตเชฟอิ่มตัว James  เดินทางมาเมืองไทยเพื่อตามหาความฝันของเขา  จากอาชีพเชฟเขาผันตัวมาเป็นผู้บริหารโรงแรมหลายแห่งในเมืองไทย  แต่งานโรงแรมต้องรับผิดชอบตลอด 24 ชั่วโมง ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด  จึงเกิดความเครียด เขาตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตหันหลังให้กับงานแล้วมาใช้ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในที่สุดJames ก็ได้พบความฝันที่เขาตามหาแล้ว




เขาสร้างบ้านชั้นเดียวหลังพอดีกับสมาชิกครอบครัว 4 คน  และใช้ผืนดินหลังบ้านเพียง 2 ไร่ เพื่อทำไร่ผสมผสาน ปลูกสารพัดพืชผักสวนครัวทำให้สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปีเพื่อเป็นรายได้มาเลี้ยงครอบครัว และจ้างแรงงานท้องถิ่นเพื่อช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับชาวบ้าน

“ การดำเนินชีวิตพอเพียงตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9  เพื่อเป้าหมาย  2 ประการคือ ได้ช่วยสร้างงานให้ชุมชน และได้อาหารที่ปลอดภัยจากฟาร์มที่เราปลูกเองช่วยประหยัดเงินด้วย”




สวนหลังบ้านของ James เป็น Sustainable Farm  คือพืชผักทั้งหมดเป็นออร์แกนิคที่ปลอดสารพิษ 100 %  ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโต เพียงใส่ปุ๋ยมูลไส้เดือนที่เขาผลิตขึ้นเองเท่านั้น  ดังนั้นระหว่างเดินชมสวนนั้นเจ้าของสวนสามารถเด็ดพืชผักทุกต้นมาทานเพื่อยืนยันความปลอดภัย

“ พืชทุกชนิดผมปลูกด้วยเมล็ดที่เพาะมาจากต้น  ดังนั้นที่นี่เป็นพืชปลอด GMO เราไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งการเติบโต ดังนั้นลูกค้าคนไหนมาเร่งว่าฉันต้องการผักในวันพรุ่งนี้ เราทำไม่ได้ เขาจะต้องรอ 3 เดือนจนกว่าจะเก็บผลผลิตได้ตามธรรมชาติ” 



แผงโซล่าเซล์สำหรับผลิตไฟฟ้า


ฟาร์มของ James พยายามเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เขามีแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้ามาปั่นปั๊มน้ำขนาดเล็กเพื่อใช้ทำระบบน้ำหยดในโรงเรือนเพาะชำ ส่วนแปลงผักที่ไม่ชอบแดดแรงเขาจะไม่ใช้พลาสติกคลุมดิน แต่ใช้ฟาง ทำซุ้มหลังคาจากใบจากหรือปลูกกล้วยเป็นแนวเพื่ออาศัยร่มเงาของกล้วยกันแดดแทน




เพราะความที่ James เป็นเชฟมาก่อน  เขาจึงรู้ว่าร้านอาหารต้องการพืชผักชนิดใดก็จะปลูกผักเหล่านั้นที่ The Boutique Farmers  ทุก ๆ เช้า James จะเดินอยู่ในฟาร์ม เด็ดดอกไม้ เมล็ดพืชทุกอย่างมาดมและชิม  อาศัยสัญชาติญาณเชฟทำให้เขารู้ว่าพืชผักทุกอย่างที่อยู่ในฟาร์มนี้นำมาทำเป็นอาหารได้หมด และจะขายได้ราคาดีตอนช่วงไหน จึงไม่แปลกที่ ดอกขจรที่เหลืองสวยของฟาร์มแห่งนี้จะขายได้สูงถึง 150 บาทสำหรับเชฟนำไปตกแต่งอาหารมื้อพิเศษ หรือเม็ดผักชีลาวที่ให้กลิ่นหอมสามารถนำไปปรุงแต่งอาหารขายได้กล่องละ250 บาท  โดยทุกวันศุกร์และเสาร์Jamesกับภรรยาไทยที่ชื่อเมย์จะขับรถเข้ากรุงเทพฯเพื่อส่งผลผลิตจากฟาร์มของเขา

ดอกขจรจากสวนของJames ที่นำมาตกแต่งอาหาร


ทุกวัน James จะตื่นเช้าเข้าฟาร์มไปดูแลต้นไม้ของเขา  พอสายหน่อยแดดแรงเขาก็จะเข้าบ้าน  นำลูกหม่อนที่เก็บมาได้มาหมักน้ำส้มสายชู Vinegar  นำดอกไม้ ผลไม้มาทำชา ทำโยร์เกิร์ต และการนำวัสดุใช้แล้วอย่างไม้พาเลททมาทำโต๊ะอาหาร ตู้โชว์ ภายในบ้าน ซึ่งเขาจะภาคภูมิใจมากที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง



โต๊ะเก้าอี้ทานอาหรทำจากไม้พาเลต ฝีมือของJames


เรียกได้ว่าJames เป็นตัวอย่างของคนที่ใช้ชีวิตแบบ Sustainable Life ที่แสดงออกและกระทำเพื่อห่วงใยโลกและสิ่งแวดล้อมที่ใช่ชีวิตอย่างมีความสุข  วันนี้เขาจึงอยากส่งผ่านความสุขแบบนี้ไปสู่คนอื่น ๆ  ด้วยการทำ The Boutique Farmers  ให้เป็นโฮมสเตย์ ที่มีห้องนอน 3 ห้องเท่านั้น และเปิดรับลูกค้าเพียงวันศุกร์ และเสาร์ ในราคาคนละ 1.000 บาท  ราคานี้รวมที่พัก 1 คืน พร้อมอาหารเช้าที่ปรุงโดยเชฟมิชลิน ซึ่งนำวัตถุดิบพืชผักมาจากสวนหลังบ้านที่เก็บสดใหม่ให้ความหวานกรอบอร่อย และกิจกรรมที่เจ้าของภูมิใจมากคือการนำแขกไปเดินชมสวนออร์แกนิคของเขา



“ The Boutique Farmers ไม่ได้มีห้องพักหรู หรือเสิร์ฟอาหารแพง  แต่ผมต้องการให้ลูกค้าได้มาเรียนรู้เรื่องฟาร์ม คุณจะได้ปลูกพืชผักได้เอง ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อ และถ้าคุณมาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบนี้  ผมก็หวังว่าคุณจะไปบอกเล่าเรื่องดี ๆ อย่างนี้ให้กับคนอื่น ๆ ด้วย” 


นั่นคือความสุขทั้งหมดที่ James Noble อดีตเชฟมิชลินค้นพบความฝันของเขาแล้ว







***ส่วนใครที่อยากจะลิ้มลองความสดใหม่ของวัตถุดิบจากฟาร์มออร์แกนิคของเขา  ไม่ต้องขับรถไปไกลถึงปราณบุรีก็ได้  ทั้งนี้เพราะเชฟแอนโทนี ซอลท์ไมเยอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ แวะไปเก็บพืชผักจากฟาร์มของJames ทุกเช้าวันพุธ เพื่อนำมาทำโปรโมชั่นเป็นอาหารจานอร่อยเมนูฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายเป็นญี่ปุ่นหลากหลายเมนู ในราคาเริ่มต้นที่จานละ 680 บาท++ ที่ห้องอาหาร เอเลเมนท์ ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม – 23 ธันวาคม 2560 เท่านั้น ( 02 687 9000 )เพื่อร่วมสนันสนุนการการเกษตรแบบยั่งยืนและไร้สารพิษด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบจากฟาร์ม และสวนปราศจากสารพิษ


** The Boutique Farmers Pak Nam Pran ตั้งอยู่ที่ 297 หมู่ 4  ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทร. 081-226-7800 รับเฉพาะลูกค้าที่โทรจองห้องพักล่วงหน้าเท่านั้น






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Soneva Kiri เกาะกูด สวรรค์บนดิน เป็นมิตร & รักษาสิ่งแวดล้อม : ปาณี ชีวาภาคย์

MBK พาจิตอาสาปทุมวันบุกชุมชนอ่อนนุช 14 ไร่ เรียนรู้ "ขยะคือทองคำ”

Sustainability Marketing มาตรฐานใหม่ในโลกธุรกิจ : ฐิติภา ลักษณพิสุทธิ์